EV Easy Charger

เครื่องชาร์จรถอีวี | EV Charger

EV Easy Charger ผู้ให้จำหน่ายและติดตั้งเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV) จากหลากหลายค่าย เรารับติดตั้งเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า EV Charger ให้กับแบรนด์ชั้นนำต่างๆ 

ปัจจุบันตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในเมืองไทยเรียกว่ามาแรงมาก และมีให้เลือกหลากหลายแบรนด์ ที่สำคัญคือราคาจับต้องได้ง่ายขึ้น โดยจุดเด่นของรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100% จะอยู่ที่ไม่มีมลพิษ ดูแลรักษาง่ายไม่วุ่นวาย ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าน้ำมันที่ราคาพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ถึงแม้จะมีข้อดีในหลายประการ ก็ดูจะมีปัญหาอยู่บ้าง คือตัวรถจะต้องชาร์จไฟอยู่เสมอ เพื่อสำหรับใช้ในการเดินทาง เมื่อพลังงานหมดหรือเรียกง่าย ๆ ว่าแบตฯ หมด จำเป็นต้องหาที่ชาร์จประจุไฟ ซึ่งในเมืองไทยยังไม่มีสถานีชาร์จรถไฟฟ้าแพร่หลายเหมือนกับปั้มน้ำมันทั่วไป

เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า มีกี่แบบ ?

เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า จะมีด้วยกัน 2 แบบ ได้แก่ กระแสไฟฟ้าแบบตรง (DC) ซึ่งจะช่วยให้ชาร์จเข้าสู่ตัวรถได้อย่างรวดเร็ว แต่ตัวเครื่องมีขนาดใหญ่ จึงไม่เหมาะสำหรับติดตั้งในบ้าน สามารถพบได้ในตามสถานีชาร์จ 

ส่วนที่ใช้ภายในบ้านจะเป็นเครื่องชาร์จไฟฟ้าแบบกระแสสลับ (AC) ที่มีขนาดเพียง 220 โวลต์ ซึ่งจะใช้เวลาในการชาร์จที่นานกว่าการชาร์จจากไฟฟ้ากระแสตรง โดยอาจจะใช้เวลามากกว่า 8 – 12 ชั่วโมง ตามความจุแบตเตอรี่ ดังนั้น การที่มีอุปกรณ์เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้ามาช่วยเสริม เพื่อจ่ายไฟฟ้าให้มากกว่า 250 – 480 โวลต์ ก็จะช่วยลดเวลาในการชาร์จได้เร็วขึ้น อาจจะเหลือสัก 4 – 7 ชั่วโมง ในการชาร์จให้เต็ม 100% เปรียบเสมือนหม้อแปลงพ่วงเพื่อจ่ายไฟฟ้าได้มากขึ้น และมีขนาดที่เล็กพอติดตั้งภายในบ้านได้ ซึ่งจะเรียกว่า Wall Box หรือ EV Charger

เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าแบบไหนดี ?

ก่อนที่จะเลือกซื้อเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า อย่างแรกคือต้องรู้ก่อนว่ารถของเรานั้นมีหัวชาร์จ ประเภทไหน โดยหัวชาร์จที่นิยมใช้ทั่วไปจะมีอยู่ 2 แบบ คือ

  • Type 1 หัวชาร์จไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) แบบ 5 Pin ใช้แหล่งจ่ายไฟฟ้าแบบ 1 เฟส (Phase) 32 แอมป์ 250 โวลต์ ส่วนมากจะอยู่ในรถยนต์ไฟฟ้าที่มาจากประเทศญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา เช่น Nissan Leaf และ Tesla 

  • Type 2 เป็นหัวชาร์จไฟกระแสสลับ (AC) แบบ 7 Pin ใช้แหล่งจ่ายไฟฟ้าแบบ 1 เฟส (Phase) 70 แอมป์ 250 โวลต์  และแบบ 3 เฟส (Phase) 63 แอมป์ 480 โวลต์ รถยนต์ไฟฟ้าส่วนใหญ่จะเป็นประเภทนี้ ไม่ว่าจะเป็นรถจากประเทศจีนทั้ง GWM และของทาง MG รวมถึงรถจากเกาหลีใต้อย่างทาง Hyundai และรถที่มาจากทางยุโรป เช่น Mercedes-Benz, BMW, MINI, Volvo และ Porsche เป็นต้น

นอกจากนั้นต้องตรวจสอบขนาด On Board Charger หรือขนาดกำลังของอุปกรณ์ชาร์จไฟที่ติดตั้งอยู่ภายในรถ ของคุณให้ตรงกันกับ EV Charger ซึ่งจะมีผลต่อระยะเวลาในการชาร์จ โดยทั่วไปมีตั้งแต่ 3.6 – 22 kW โดยจะต้องเลือกซื้อให้ตรงกับขนาด On Board Charger ของรถ เพราะถ้าซื้อเครื่องที่มีขนาดกำลังชาร์จไฟที่ใหญ่กว่าเพื่อต้องการให้ใช้เวลาชาร์จเร็วขึ้นนั้น ถือว่าผิดเพราะจะไม่เกิดผลอะไร เวลาที่ชาร์จไฟก็จะไม่เร็วขึ้น รวมถึงประจุไฟก็ยังเท่าเดิม แถมจะเสียเงินมากขึ้นเพราะเครื่องที่มีขนาดใหญ่จะมีราคาที่แพงตามขนาดของกำลังชาร์จ และที่สำคัญควรเลือกเครื่องชาร์จที่ผ่านมาตรฐานอุตสาหกรรม 

จะติดตั้งเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ต้องเตรียมตัวอย่างไร ?

แม้คุณจะได้เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้ามาแล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะติดตั้งได้ด้วยตัวเอง เพราะสิ่งที่เจ้าของรถต้องรู้ก่อนคือ ระบบไฟภายในบ้านรองรับสำหรับการใช้เครื่องชาร์จไฟไหม ? โดยต้องติดต่อหน่วยงานการไฟฟ้าเพื่อให้เข้ามาประเมินและปรับปรุงระบบไฟก่อนนั่นเอง

ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบมิเตอร์ไฟฟ้า ที่ต้องมีไม่น้อยกว่า 30A เนื่องจากจะใช้กระแสไฟฟ้าขณะชาร์จ 8A ถึง 16A ต่อเนื่องจนกว่าแบตเตอรี่จะเต็ม พร้อมตรวจสอบสายไฟฟ้า (สายเมน) และ Main Circuit Breaker (MCB) ในตู้ควบคุมไฟฟ้าให้สอดคล้องกัน เพื่อรองรับปริมาณกระแสไฟฟ้าที่ใช้เพิ่มขึ้น อีกทั้งต้องตรวจสอบตู้ควบคุมไฟฟ้า (MDB) เพราะต้องมีช่องว่างเหลือสำหรับติดตั้ง Main Circuit Breaker ที่ใช้ควบคุมวงจรชาร์จรถไฟฟ้าอีก 1 ช่อง ถ้ามีไม่พอต้องเพิ่มตู้ย่อย และที่สำคัญ ต้องเปลี่ยนเต้ารับไฟในบ้านแบบใหม่ เป็นเต้ารับเฉพาะการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า เนื่องจากการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าไม่สามารถใช้เต้ารับแบบธรรมดาได้ เพื่อลดเสี่ยงต่อการแย่งไฟฟ้าภายในบ้าน และความเสี่ยงต่อการเกิดอัคคีภัยได้ นอกจากนี้ยังต้องคำนึงถึงจุดติดตั้งเครื่อง EV Charger ควรอยู่ในรัศมี 5 – 7 เมตร จากจุดจอดรถ ใกล้กับตู้เมนไฟฟ้าในบ้าน และมีหลังคาบังแดดและฝน

เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี ?

 

เมื่อได้รู้จักเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้ากันแล้วว่าควรเลือกแบบไหน และก่อนติดตั้งจะต้องศึกษาและดูอะไรบ้าง ทีนี้มาดูกันว่า “เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า” มีรุ่นไหนที่น่าสนใจ ถ้าต้องการซื้อไปติดเพิ่มเติมกับบ้านหลังที่ 2 – 3 เพื่อให้ครอบคลุมกับการเดินทาง

แบรนด์เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า

Schneider EV LOGO

Schneider EV Charger

Besen logo

Besen

EV Charger

duosida logo

Duosida

EV Charger

Schneider Electric EV Charger

Schneider Electric EV Charger คือเครื่องจากแบรนด์ Schneider Electric ค้นพบโซลูชัน eMobility ด้วยสถานีชาร์จ EV, ซอฟต์แวร์การจัดการพลังงาน EV และบริการภาคสนาม EV โซลูชัน eMobility ของเราสามารถใช้งานได้อย่างเต็มรูปแบบ เช่น ที่อยู่อาศัย อาคาร และกลุ่มยานพาหนะ ซึ่งช่วยให้สามารถขับเคลื่อนไปสู่อนาคตที่สุทธิเป็นศูนย์ได้

เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า Wallbox

Wallbox เป็นบริษัทระดับโลกที่อุทิศตนเพื่อเปลี่ยนแปลงวิธีที่โลกใช้พลังงาน โดยสร้างระบบการชาร์จอีวีอัจฉริยะที่ผสมผสานเทคโนโลยีล้ำสมัยเข้ากับการออกแบบอันยอดเยี่ยม จัดการการสื่อสารระหว่างรถยนต์กับที่ชาร์จผ่านแอพที่ใช้งานง่าย

คำถามที่พบบ่อย

EV Changer คืออะไรและทำงานอย่างไร?

EV Changer เป็นอุปกรณ์ชาร์จไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle) หรือรถยนต์แบบ Plug-in Hybrid Electric Vehicle (PHEV) ที่ใช้ไฟฟ้าเพื่อเติมพลังงานให้กับแบตเตอรี่ของรถยนต์ โดย EV Changer จะทำการแปลงกระแสไฟฟ้าจากเครือข่ายไฟฟ้า AC (Alternative Current) เป็นกระแสไฟฟ้า DC (Direct Current) ที่เหมาะสมสำหรับการชาร์จแบตเตอรี่ของรถยนต์ไฟฟ้า

การทำงานของ EV Changer จะเริ่มต้นจากการตรวจสอบและตรวจวัดปริมาณของแรงดันไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้า จากนั้น EV Changer จะนำกระแสไฟฟ้าจากเครือข่ายไฟฟ้า AC เข้าสู่ระบบของอุปกรณ์ และทำการแปลงเป็นกระแสไฟฟ้า DC เพื่อชาร์จแบตเตอรี่ของรถยนต์ไฟฟ้า ระยะเวลาในการชาร์จและการปรับแต่งพารามิเตอร์การชาร์จไฟฟ้าขึ้นอยู่กับรุ่นและยี่ห้อของ EV Changer และรายละเอียดเฉพาะของแต่ละรถยนต์ไฟฟ้าที่จะชาร์จด้วย EV Changer นั้นก็จะมีผลต่อเวลาในการชาร์จเช่นกัน

EV Changer สามารถชาร์จไฟฟ้าได้กี่แบบ?

EV Changer สามารถชาร์จไฟฟ้าได้สองแบบคือ แบบ AC (Alternative Current) และแบบ DC (Direct Current) โดยแบบ AC จะชาร์จไฟฟ้าโดยตรงจากเครือข่ายไฟฟ้าในบ้านหรืออาคาร ส่วนแบบ DC จะมีการแปลงกระแสไฟฟ้าจาก AC เป็น DC ก่อนจึงจะชาร์จไฟฟ้าเข้าสู่แบตเตอรี่ของรถยนต์ไฟฟ้า

การเลือกแบบชาร์จไฟฟ้านั้นจะขึ้นอยู่กับรถยนต์ไฟฟ้าของคุณ โดยรถยนต์ไฟฟ้าบางรุ่นอาจรับได้แค่แบบ AC หรือแบบ DC เท่านั้น หรือบางรุ่นก็รับทั้ง AC และ DC ดังนั้นคุณควรตรวจสอบให้แน่ใจว่า EV Changer ที่คุณเลือกสามารถชาร์จไฟฟ้ารถยนต์ไฟฟ้าของคุณได้แบบที่ต้องการก่อนสั่งซื้อ

ควรซื้อ EV Changer รุ่นไหนที่เหมาะกับการใช้งานในบ้าน?

การเลือกซื้อ EV Changer ที่เหมาะกับการใช้งานในบ้านของคุณนั้นขึ้นอยู่กับความต้องการและงบประมาณของคุณด้วย ดังนั้น ข้อมูลต่อไปนี้อาจช่วยให้คุณเลือกได้ถูกต้อง:

  1. แบบของเสาชาร์จ: คุณสามารถเลือก EV Changer ที่มีเสาชาร์จแบบติดผนังหรือเสาชาร์จแบบเจาะพื้นได้ แบบติดผนังจะต้องใช้พื้นที่น้อยกว่าแบบเจาะพื้น แต่แบบเจาะพื้นจะเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการการติดตั้ง EV Changer ในที่จอดรถแบบโค้งหรือไม่สามารถติดตั้งเสาชาร์จแบบติดผนังได้

  2. สามารถชาร์จไฟฟ้าได้ทั้งแบบ AC และ DC: หากคุณมีแผนที่จะใช้รถยนต์ไฟฟ้าในการเดินทางไกลและต้องการชาร์จไฟฟ้าเร็วขึ้น คุณควรเลือกซื้อ EV Changer ที่สามารถชาร์จไฟฟ้าได้ทั้งแบบ AC และ DC

  3. ความเร็วในการชาร์จไฟฟ้า: คุณควรเลือก EV Changer ที่มีความเร็วในการชาร์จไฟฟ้าสูง เพื่อให้คุณสามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ความเร็วในการชาร์จไฟฟ้าขึ้นอยู่กับแบตเตอรี่และระบบการชาร์จไฟฟ้าของรถยนต์ไฟฟ้าด้วย

  4. ความปลอดภัย: คุณควรเลือก EV Changer ที่มีระบบป้องกันการชาร์จไฟฟ้าที่มีมาตรฐานความปลอดภัยสูง เช่น มาตรฐานของความปลอดภัยของ EV Changer ในประเทศของคุณ นอกจากนี้ คุณควรตรวจสอบว่า EV Changer มีการตรวจจับการชาร์จที่ไม่ปลอดภัย เช่น การตรวจจับการรั่วไหลของกระแสไฟฟ้า การตรวจจับว่ามีการชาร์จที่ผิดปกติ เป็นต้น

  5. ราคา: ราคาของ EV Changer นั้นมีความแตกต่างกันไปตามคุณสมบัติและความสามารถของแต่ละรุ่น คุณควรเลือกซื้อ EV Changer ที่เหมาะสมกับงบประมาณของคุณ โดยทั่วไปแล้ว EV Changer ที่มีคุณสมบัติและความสามารถสูงๆ จะมีราคาสูงกว่า EV Changer ที่มีคุณสมบัติและความสามารถน้อยกว่า
  6. ความสะดวกในการใช้งาน: EV Changer ที่มีการออกแบบให้ใช้งานได้ง่ายและมีความสะดวกสบายสำหรับผู้ใช้งานจะช่วยให้คุณประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการติดตั้งระบบ คุณควรเลือก EV Changer ที่มีการออกแบบให้ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน และมีคู่มือการใช้งานที่ชัดเจนเพื่อให้คุณสามารถติดตั้งและใช้งานได้ด้วยตัวเอง นอกจากนี้ยังควรเลือก EV Changer ที่มีหน้าจอแสดงผลที่ชัดเจนและเข้าใจง่าย เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถตรวจสอบสถานะการชาร์จได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องยุ่งยากในการใช้งาน ดังนั้นการเลือก EV Changer ที่มีความสะดวกสบายในการใช้งานจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้การใช้งาน EV Changer ของคุณสะดวกและง่ายขึ้นได้มากยิ่งขึ้น
EV Changer ต้องการพื้นที่เท่าไหร่เพื่อติดตั้ง?

EV Changer ไม่ต้องการพื้นที่มากเท่าไรในการติดตั้ง ซึ่งส่วนใหญ่จะสามารถติดตั้งได้บนผนังหรือที่จอดรถที่มีพื้นที่ว่างพอสำหรับติดตั้งเครื่องชาร์จ แต่อย่างไรก็ตาม คุณควรตรวจสอบขนาดของ EV Changer และพื้นที่ที่คุณมีก่อนการติดตั้ง เพื่อให้มีพื้นที่เพียงพอสำหรับการติดตั้งและการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังต้องระวังว่าไม่ควรติดตั้ง EV Changer ในที่ที่มีฝนตกหรือน้ำท่วม เนื่องจากมีความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายจากไฟฟ้าขัดข้องหรือช๊อตวงจรไฟฟ้าได้

EV Changer มีระบบการชาร์จไฟฟ้าที่ปลอดภัยหรือไม่?

ใช่ EV Changer มีระบบการชาร์จไฟฟ้าที่ปลอดภัย เนื่องจากเครื่องชาร์จถูกออกแบบมาเพื่อให้สามารถรับและส่งไฟฟ้าได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย ระบบการชาร์จของอุปกรณ์จะมีการควบคุมและตรวจสอบการไหลของกระแสไฟฟ้าตลอดเวลา และสามารถตรวจจับและป้องกันการชาร์จผิดพลาด เช่น การสลับขัดข้องของสายไฟ การเปิดปิดอุปกรณ์ชาร์จ หรือความผิดปกติใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในกระแสไฟฟ้า ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุจากการใช้งานเครื่องชาร์จอีวีอย่างมาก

ควรเชื่อมต่อ EV Changer กับระบบไฟฟ้าของบ้านอย่างไร?

การเชื่อมต่อ EV Changer กับระบบไฟฟ้าของบ้านต้องทำอย่างถูกต้องเพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการใช้งาน ดังนั้นคุณควรปฏิบัติตามขั้นตอนดังนี้:

  1. ตรวจสอบระบบไฟฟ้าของบ้าน: ก่อนที่จะติดตั้ง EV Changer คุณควรตรวจสอบระบบไฟฟ้าของบ้านว่าเพียงพอต่อการใช้งาน EV Changer หรือไม่ โดยตรวจสอบความจุของวงจรไฟฟ้าในบ้านและตรวจสอบว่าไฟฟ้าในบ้านมีระบบ Grounding อย่างถูกต้องหรือไม่

  2. ติดตั้ง EV Changer: คุณควรติดตั้ง EV Changer โดยใช้ช่างที่มีความเชี่ยวชาญในการติดตั้งระบบการชาร์จไฟฟ้า โดยเฉพาะถ้าคุณไม่มีประสบการณ์ในการติดตั้งระบบไฟฟ้า อย่างไรก็ตาม EV Changer สามารถติดตั้งได้ง่ายๆ เพียงคุณติดตั้งตามคู่มือการใช้งานที่แนบมากับ EV Changer และปฏิบัติตามขั้นตอนตามลำดับ

  3. ทำการเชื่อมต่อ: เชื่อมต่อ EV Changer กับระบบไฟฟ้าของบ้านโดยใช้สายไฟฟ้าที่เหมาะสม ควรเลือกสายไฟฟ้าที่มีขนาดเหมาะสมและมีการออกแบบเพื่อใช้งาน EV Changer และต้องทำการติดตั้งตามมาตรฐานและข้อกำหนดที่กำหนดไว้

  4. ทดสอบการใช้งาน: หลังจากติดตั้ง EV Changer เรียบร้อยแล้วควรทดสอบการใช้งานว่าเกิดปัญหาหรือไม่

สามารถติดตั้งเองได้หรือต้องมีช่างติดตั้งมาติดตั้ง?

การติดตั้ง EV Changer อยู่ที่ความชำนาญของผู้ใช้งาน ถ้าคุณมีความรู้และประสบการณ์ในการติดตั้งระบบไฟฟ้าและเครื่องมือเบื้องต้น และรู้จักการใช้งานโปรแกรมคอมพิวเตอร์ คุณสามารถติดตั้งได้เองโดยไม่ต้องมีช่างติดตั้งมาช่วย อย่างไรก็ตาม หากคุณไม่มั่นใจในการติดตั้งเอง หรือไม่มีความรู้ความชำนาญในการติดตั้งระบบไฟฟ้า แนะนำให้เรียกช่างติดตั้งมาช่วยติดตั้งและทำการตรวจสอบความปลอดภัยของระบบก่อนใช้งานเพื่อความปลอดภัยของคุณและระบบไฟฟ้าของบ้านคุณด้วย

สามารถใช้ EV Changer ชาร์จไฟฟ้าได้กับรถยี่ห้อใดบ้าง?

EV Changer สามารถใช้กับรถยี่ห้อต่าง ๆ ได้ แต่จะขึ้นอยู่กับรุ่นและประเภทของ EV Changer บางรุ่นอาจมีการระบุว่ารองรับแบบไหน ดังนั้นควรตรวจสอบความเข้ากันได้ของรถยี่ห้อที่คุณใช้งานกับ EV Changer ก่อนการสั่งซื้อหรือการใช้งานจริง เพื่อความแน่นอนในการเลือกซื้อ EV Changer ที่เหมาะสมกับรถยี่ห้อของคุณ

ควรเลือกซื้อ EV Changer จากแบรนด์ใด?

การเลือกซื้อ EV Changer จากแบรนด์ที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ได้รับผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพสูง โดยสามารถคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ เช่น ประสิทธิภาพการชาร์จไฟฟ้า, ความปลอดภัย, ความสะดวกสบายในการใช้งาน, ราคาและการรับประกันฯลฯ

อย่างไรก็ตาม มีแบรนด์ที่เป็นที่นิยมในตลาดของ EV Changer เช่น ABB, Schneider Electric, Siemens, Delta Electronics, และที่มากกว่านั้น Tesla ก็มี EV Changer ของตัวเองที่พัฒนามาเพื่อรองรับรถยนต์ไฟฟ้าของตนเอง

ดังนั้น ควรศึกษาและเปรียบเทียบรายละเอียดของแต่ละแบรนด์ รวมถึงรายละเอียดของรุ่นและประเภทต่างๆ เพื่อช่วยตัดสินใจในการเลือกซื้อ EV Changer ที่เหมาะสมกับความต้องการและงบประมาณของคุณ

EV Changer มีราคาเท่าไหร่และควรซื้อที่ไหน?

ราคาของ EV Changer อาจแตกต่างกันไปตามแบรนด์และรุ่นของสินค้า รวมถึงคุณสมบัติและฟังก์ชันต่างๆ ที่มีให้ใช้งานด้วย อีกทั้งยังขึ้นอยู่กับการจัดหาพื้นที่และค่าใช้จ่ายในการติดตั้งด้วย

โดยปกติแล้วราคาของ EV Changer จะอยู่ในช่วง 10,000 – 50,000 บาท แต่อาจมีราคาสูงกว่านี้ตามคุณสมบัติและฟังก์ชันที่มากขึ้น

การซื้อ EV Changer ควรเลือกซื้อจากตัวแทนจำหน่ายที่เชื่อถือได้ และมีประสิทธิภาพการบริการหลังการขายที่ดี เช่นร้าน EVEASYCHANGER โดยสามารถเลือกแบรนด์ต่างที่คุณต้องการได้ที่ลิงค์ https://eveasycharger.com/shop/ นอกจากนี้ยังควรเลือกซื้อจากแบรนด์ที่มีประสิทธิภาพและมีการรับประกันคุณภาพสินค้า